สังคมออนไลน์ จากเวทีความเห็นสู่ประเด็นการเมือง
เมื่อ พื้นที่อิสระในการสื่อสาร
กลายเป็นเวทีวิพากษ์ทางการเมือง ส่งผลให้เกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วและล่อแหลม
ปราศจากการควบคุม หลายฝ่ายประกาศรวมพลัง เรียกร้องให้ผู้ใช้กลั่นกรองจากจิตสำนึก
จากพื้นที่ในการพูดคุยหรือติดต่อสื่อสาร วันนี้ “โซเชียลเน็ตเวิร์ก”
ถูกขยับฐานะจากสังคมออนไลน์สู่เวทีแสดงความเห็นทางการเมือง
ส่งผลให้หลากกลุ่มหลายเครือข่ายถือกำเนิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งยังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ภายใต้อิสระทางการแสดงพลังความคิด จนไม่อาจรู้ได้ว่า
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น แท้จริงแล้วมีเป้าหมายเพื่อแสดงอุดมการณ์ทางการเมือง
หรือถูกใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาประโยชน์
หรือเป็นเพียงการลอกเลียนพฤติกรรมแบบที่เรียกว่า อุปทานหมู่... พิธีกรชื่อดัง แสดงทัศนคติว่า
กระแสทางการเมืองที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับโซเชียลเน็ตเวิร์กกิ้งในปัจจุบัน
คล้ายกับประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูลหรือความบันเทิง
โดยถือเป็นเน็ตเวิร์กรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ด้วยจุดประสงค์เพื่อการติดต่อสื่อสาร
ส่วนสาเหตุที่มีประเด็นทางการเมืองมาเกี่ยวข้อง อาจมีสาเหตุจากการมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตนเอง
รวมถึงการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนและเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น
ส่งผลให้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างมากในสังคม “เชื่อว่าโซเชียลเน็ตเวิร์กถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
เพื่อหวังผลบางประการ อาจเพื่อปลุกปั่นกระแสสร้างความรุนแรง ผ่านความสนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แม้การแสดงความคิดเห็นจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในสังคม
แต่การตอบโต้เชิงลบก็ทำให้เกิดปัญหา รวมถึงความอิสระในการแสดงความคิด
ก็กลายเป็นสิ่งเร้ากระต้นให้เกิดความรุนแรง” พิธีกรชื่อดัง
กล่าว นายวุฒิธร หรือ วู้ดดี้
เปิดเผยอีกว่า โดยส่วนตัวรู้สึกไม่สบายใจและยอมรับว่าค่อนข้างอึดอัด
จากพฤติกรรมของคนบางกลุ่มที่จับจ้องการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของบุคคล ต่างๆ
เพื่อนำความเห็นเหล่านั้นไปใช้เป็นเครื่องมือ
ทำให้ศิลปินหรือนักแสดงต้องระมัดระวังอย่างมากในการแสดงความเห็นผ่านโซเชีย
ลเน็ตเวิร์ก เพื่อป้องกันการนำความเห็นของตนไปใช้เป็นกระบอกเสียงแก่คนบางกลุ่ม “ในฐานะสื่อ
เรารู้ว่าต้องวางตัวเป็นกลาง แต่ภาวะปัจจุบันบีบคั้นให้คนหมดสิทธิ์ออกเสียง
ในวันที่คนจำนวนมากลุกขึ้นมาสาดโคลนใส่กัน แต่ในฐานะสื่อ กลับพูดหรือแสดงออกไม่ได้
จึงต้องย้อนมองว่าเสรีภาพในการแสดงความเห็นอย่างแท้จริงคืออะไร
ทั้งยังทำให้พบว่าวัฒนธรรมไทยคือวัฒนธรรมหมู่อยู่กันเป็นพวก
ไม่นับถือความเป็นตัวตน
ทุกวันนี้ประเทศถูกแบ่งออกเป็นฝักเป็นฝ่ายไม่มีตัวตนที่แท้จริง
โดยเฉพาะโลกออนไลน์ที่เปรียบเสมือนการกระจายข่าวแบบปากต่อปากเท่านั้น พิธีกรคนดัง ยังฝากคำแนะนำถึงผู้ใช้สังคมออนไลน์ด้วยว่า
ในฐานะเจ้าของหน้าเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือเว็บไซต์อื่นๆ
ควรกลั่นกรองสิ่งที่พูดหรือคิดในระดับหนึ่ง
โดยเฉพาะสิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อส่วนรวมหรือส่งผลให้สังคมเสื่อมลง ตนไม่ได้ห้าม
แต่อยากให้กลั่นกรองความจริง ก่อนตกเป็นเครื่องมือของคนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ด้าน นายแสงธรรม ชุนชฎาธาร ผู้
ประสานงานเครือข่ายคนรุ่นใหม่ไม่ทิ้งประเทศไทย แสดงความเห็นว่า
โซเชียลเน็ตเวิร์กถือเป็นช่องทางที่เพิ่มขึ้นจากในอดีต
มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงออกทางความเห็น การแสดงออกทางการเมืองผ่านสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน
เป็นพัฒนาการทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย
จากการเขียนบทความและม็อบมือถือของนักศึกษาในอดีต
จนกระทั่งยุคอินเทอร์เน็ตที่สามารถรวมตัวกันได้ง่าย
เช่นเดียวกับการรวมตัวของคนรุ่นใหม่ภายในเครือข่ายคนรุ่นใหม่ไม่ทิ้งประเทศ ไทย
ที่รวมกลุ่มต่างๆ และปฏิสัมพันธ์กันผ่านสังคมออนไลน์ รวมถึงช่องทางสื่อสารต่างๆ
และอีเมล์ konroonmai@gmail.com
"เชื่อว่ากระแสที่เกิดขึ้น
เป็นการแสดงออกทางการเมืองอย่างแท้จริงตรงไปตรงมา
เมื่อมาพบผู้ที่คิดเห็นในแนวทางเดียวกันจึงทำให้กล้าแสดงออกมากขึ้น นอกจากนี้
ความคิดที่แตกต่างทางการเมืองจากสังคมรอบตัวก็เป็นปัจจัยที่กดดันให้คนรุ่น
ใหม่จำนวนไม่น้อยเลือกแสดงอุดมการณ์ผ่านสื่อออนไลน์
เนื่องจากการแสดงจุดยืนของตนเองกลายเป็นเรื่องยาก
โดยเฉพาะยุคที่เด็กถูกเลี้ยงเหมือนไข่ในหิน
ต้องมีวิถีชีวิตตามกรอบที่พ่อแม่กำหนดและปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก” ผู้ประสานงานเครือข่ายคนรุ่นใหม่ไม่ทิ้งประเทศไทย
ยังคาดการณ์ถึงความนิยมที่วัยรุ่นมีต่อประเด็นทางการเมืองว่า ขณะนี้
คนรุ่นใหม่ถูกตัดออกจากประเด็นทางการเมือง
ไม่มีบทบาทเป็นตัวละครทางการเมืองค่อนข้างนาน
รวมถึงการเปลี่ยนบทบาทของสื่อจากสื่อสาธารณะเป็นสื่อส่วนตัว ทำให้โซเชียลเน็ตเวิร์กกลายเป็นพื้นที่อิสระทางการแสดงความคิด
เช่นเดียวกับตนเองที่นิยมแสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองผ่าน
พื้นที่ส่วนตัวอย่างเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์
ส่วนหนึ่งอาจมีปัจจัยจากความสนใจทางการเมืองหรือติดตามสถานการณ์ในปัจจุบัน “เชื่อว่าบนเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์มีคนรุ่นใหม่ร่วมแสดงความเห็นทางการเมือง
มาก 60-70%
ทั้งเป้นการแสดงอุดมการณ์หรือเป็นผลกระทบจากความเดือดร้อนที่ได้รับในการ
ดำเนินชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกัน
กลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยก็เกิดคำถามกับตัวเองว่า
ถึงเวลาที่เราควรมีส่วนร่วมต่อประเทศชาติแล้วหรือยัง
แต่ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้กลุ่มคนจำนวนมากร่วมกันแสดงอุดมการณ์อย่างแพร่ หลาย
อาจมาจากการล่วงเกินสถาบันพระมหากษัติย์และสถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น
ส่วนผู้ที่ใช้สังคมออนไลน์ในการแสดงความเห็น
ตนอยากฝากให้ทำความเข้าใจว่าเว็บไซต์ต่างๆ เป็นเพียงช่องทางในการแสดงความเห็นอย่างอิสระ
แต่ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตและความระมัดระวัง ไม่ควรสร้างความเกลียดชังแก่ผู้อื่น
ควรทำและแสดงออกจากอุดมการณ์อย่างแท้จริง” นายแสงธรรม กล่าว ส่วน พ.ญ.โชษิตา ภาวสุทธิไพศิฐ
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต
เปิดเผยความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า
โดยส่วนตัวเชื่อว่าการแสดงความเห็นทางโซเชียลเน็ตเวิร์กในขณะนี้เป็นเพียง
การแสดงความคิดเห็น อาจมีบางส่วนที่เกิดขึ้นจากอุดมการณ์ ขณะเดียวกัน
เฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์ก็เป็นช่องทางสื่อสารที่ผู้แสดงทัศนคติทราบว่า ความแตกต่างทางความคิดจะไม่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์โดยตรงเท่ากับการแสดงออกต่อ
หน้า ทำให้จำนวนผู้ใช้ช่องทางดังกล่าวเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
ประกอบกับประเด็นการเมืองเป็นเหตุการณ์ปัจจุบัน จึงได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว
ยอมรับว่าขณะนี้ ตนก็แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเมืองโดยตลอด เนื่องจากพื้นฐานทางความรู้สึกที่ไม่ต้องการเห็นความขัดแย้งทางสังคม
เมื่อมีผู้คิดแตกต่างจึงทำให้เกิดความรู้สึกต้องการแบ่งปันทางความคิด “เราสามารถแสดงความเห็นแตกต่างจากผู้อื่นได้
แต่สิ่งสำคัญคือความสามารถในการยอมรับความเห็นของผู้อื่น ขณะนี้
สังคมเกิดความขัดแย้งอย่างหนักถึงขนาดกระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือ
สถานที่ทำงาน เนื่องจากการเมืองถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับด้านต่างๆ ในสังคม
จึงทำให้เกิดความต้องการมีส่วนร่วมและต้องการบทบาททางสังคมมากขึ้น” จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
กล่าว พ.ญ.โชษิตา ให้ข้อมูลอีกว่า
ปัญหาและความขัดแย้งที่เกิดจากความคิดแตกต่างทางการเมือง
ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของแต่ละกรณี
รวมถึงการรู้จักแบ่งแยกการเมืองและเรื่องครอบครัวออกจากกัน
บางครอบครัวที่เกิดการโต้เถียงหรือทะเลาะรุนแรงจากประเด็นการเมือง
ถือเป็นกรณีที่ควรแก้ไขโดยเร่งด่วน “ครอบครัวที่พ่อแม่เถียงกันเรื่องการเมือง
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าลูกจะไม่ได้รับผลกระทบ
โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถเข้าใจรายละเอียดได้ลึกซึ้ง
อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตและกลายเป็นปัญหาระยะยาวที่เกิดขึ้นจากการกระทำ
ของผู้ใหญ่ในบ้าน ทางออกที่ดีที่สุดคือ การแยกแยะให้ออก พ่อแม่ต้องรู้และเข้าใจว่าทุกคนสามารถแสดงความเห็นแตกต่างกันได้
แต่ต้องไม่นำประเด็นขัดแย้งทางการเมืองมาสร้างความขัดแย้งในบ้าน” พ.ญ.โชษิตา แนะนำด้วยว่า
แม้ขณะนี้ยังไม่มีครอบครัวใดขอรับการรักษาจากความขัดแย้งประเด็นดังกล่าว
แต่ยอมรับว่าอาจเริ่มมีบ้างแล้ว คำแนะนำคือ หากในครอบครัวเริ่มทะเลาะเบาะแว้งด้วยความเห็นต่างทางการเมือง
ก็สมควรขอรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์
หรืออาจโทรขอคำปรึกษาจากนักจิตวิทยาหรือพยาบาลจิตนิเวช กรมสุขภาพจิต ผ่านหมายเลข
1323 ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ก่อนเข้าสู่กระบวนการรักษากับจิตแพทย์
แม้ปรากฏการณ์แสดงออกทางการเมืองผ่านสังคมออนไลน์
จะยังไม่มีคำตอบแน่ชัดว่ามาจากเหตุใด แต่สิ่งที่ปรากฏอย่างเด่นชัดคือ
อิสระทางการแสดงความคิดเห็น ผ่านช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วอย่างอินเทอร์เน็ต
ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การแสดงจุดยืนหรือการแลกเปลี่ยนทัศนคติ
ต่างทำให้สังคมและผู้คนเดือดร้อนถึงขั้นสร้างความแตกแยกและรุนแรงขึ้นได้
จากจุดเริ่มต้นในการพิมพ์อักษรเพียงไม่กี่ตัว ด้วยความไม่ตั้งใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น